ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี เคยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส[28] และช่วงปี พ.ศ. 2553 เขาได้ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดยะลา[19][21][22][29] ส่วนในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 เขาได้ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา[30]

ปิยะวัฒน์เป็นหนึ่งในผู้เข้าพื้นที่เกิดเหตุยิงเจ้าของสวนยางที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559[31] จากนั้น เขาได้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ ณ จังหวัดปัตตานี โดยเป็นผู้ตามเบาะแสคดีคนร้ายลอบยิงหญิงสาวตั้งครรภ์ 9 เดือนเสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง เมื่อเดือนพฤศจิกายน ของปีเดียวกัน[32]

เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560 ปิยะวัฒน์ได้นำกำลังไปที่เกิดเหตุลอบยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอยะหริ่ง[33] เช่นเดียวกับเดือนธันวาคม ที่เขาได้ไปยังที่เกิดเหตุอดีตทหารพรานยิงแม่เลี้ยงเสียชีวิตที่อำเภอหนองจิก[34]

เดือนมกราคม พ.ศ. 2561 เขาเป็นผู้สอบปากคำผู้รอดชีวิตจากเหตุคดียิง 3 ศพ[35]

ส่วนในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 เขาเป็นผู้แถลงข่าวการยึดปืนของกลางจำนวน 17 กระบอก หลังจากเปิดยุทธการกวาดล้างอาชญากรรม หนึ่งในนั้นเป็นอาวุธสงครามเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก รวมถึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาความผิดเงินกู้นอกระบบจำนวน 8 คดี เป็นผู้ต้องหา 15 ราย ส่วนคดีระบิด 10 จุดหน้าตู้เอทีเอ็ม สามารถควบคุมผู้ต้องหาได้ 9 คน รวมถึงมีการติดตามคดียิงรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีเสียชีวิต[11]

ปิยะวัฒน์เป็นผู้เข้าพื้นที่เกิดเหตุในคดีดักยิงชาวบ้านที่อำเภอยะรัง ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561[36] และเป็นผู้ตรวจสอบของกลางยาเสพติดและอาวุธปืน จากผู้ต้องหาคดียาเสพติดในเดือนธันวาคม ที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี[37][38]

เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เขาเป็นหนึ่งในผู้นำตัวผู้ก่อคดียิงตำรวจเสียชีวิต 3 นายเมื่อปี พ.ศ. 2549 มาสารภาพ[39][40] เช่นเดียวกับคดียิงสังหารหญิงชราอายุ 59 ปี[41]